กาแฟลดน้ำหนักได้จริงหรือ???
สังคมปัจจุบันมีค่านิยมอย่างสูงต่อ “การผอมแบบเพรียวลม” ที่นิยมกันมากในกลุ่มดาราและนางแบบก่อนที่จะแพร่กระจายสู่กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน โดยพยายามทุกวิถีทางเพื่อเป็นคนที่ทันสมัย ไม่ตกยุค ด้วยการรักษาเรือนร่างให้ผอมเพรียวลม เพื่อแข่งขันกันตามกระแสสังคม ด้วยวิธีใดก็ได้ขอให้ผอมเพรียวลม เป็นเป้าหมายสูงสุด การโฆษณา กาแฟ ลดน้ำหนัก กันอย่างแพร่หลายทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า การดื่ม กาแฟ แล้วจะทำให้รูปร่างผอมเพรียวลม แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอันที่จริงแล้วการดื่ม กาแฟ ลดน้ำหนัก ก็มีข้อเสียเหมือนกัน
การโฆษณา กาแฟ ลดน้ำหนัก ส่วนใหญ่จะโฆษณาด้วยการขายตรงแบบปากต่อปาก หรือการโฆษณาแอบแฝงตามสื่อมวลชนที่ไม่ได้พูดตรงๆ แต่ใช้กิจกรรมหรือท่าทางการสื่อสารให้เข้าใจว่า กาแฟ นั้นช่วยลดน้ำหนักได้ ด้วยสรรพคุณที่อ้างว่าช่วยลดน้ำหนักได้ จึงเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวและวัยทำงาน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ กาแฟ เป็นจำนวนมากมักอ้างว่าได้เพิ่มเติมสารอาหารบางอย่างที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ เช่น ไฟเบอร์ (ช่วยเพิ่มกากอาหารในอุจจาระ) คอลลาเจน (พบได้ในเนื้อสัตว์ และจะถูกย่อยเป็นโปรตีนขนาดเล็กก่อนถูกดูดซึมเหมือนโปรตีนทั่วไป) รวมทั้งแอล-คาร์นิทีนและโครเมียม เป็นต้น
ทั้งนี้ ทางการแพทย์มีการยืนยันว่าสรรพคุณต่าง ๆ ของสารอาหาร ที่ผู้ผลิตได้เติมลงไปใน กาแฟ และอ้างนั้น ไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด ถึงแม้ว่า กาแฟ จะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญของร่างกาย แต่หากดื่มในปริมาณมาก โดยหวังว่าจะให้ร่างกายผอมเพรียวลม และหุ่นดีนั้นอาจเกิดอันตรายกับร่างกายได้ เพราะ คาเฟอีนจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานมากจนเกินไป อาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ นอกจากนี้อาจทำให้อ้วนขึ้นได้เช่นกัน เพราะในผลิตภัณฑ์ กาแฟ นั้นจะมีครีมเทียมและน้ำตาลผสมอยู่จึงทำให้ได้รับพลังงานหลายกิโลแคลอรี แล้วจะผอมได้อย่างไร?
มีการศึกษาทางการแพทย์มาเป็น 10 ปี ที่พบว่ากาเฟอีนที่เป็นส่วนผสมหลักในชาหรือกาแฟนั้น เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะมีผลในด้านThermogenesis ทำให้ร่างกายมีการ เผาผลาญใช้พลังงานมากขึ้น เคยมีการศึกษาของชาเขียว พบว่าถ้าดื่มชาเขียววันละ 5แก้ว ร่างกายจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ70-80 แคลอรี (ซึ่งสำหรับชาเขียวแล้วผลของการเพิ่มการใช้พลังงานของร่างกายเมื่อดื่มชา อาจจะเป็นผลพวงขององค์ประกอบอื่นๆ ในชานอกเหนือจากกาเฟอีน)การใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นหลังจากการดื่มชา/กาแฟนี้เองที่ทำให้ผู้ผลิตนำชา/กาแฟมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก
อันที่จริงหลักการลดน้ำหนักนั้นง่ายมากเลยค่ะ คือกินให้น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ เมื่อร่างกายมีการใช้พลังงานมากกว่าที่กินก็จำต้องสลายเอาไขมันที่สะสมตามร่างกายมาเป็นพลังงานแทน แต่การจะเอาไขมันที่พอกพูนตามส่วนต่างๆ ของร่างกายให้หายไป 1 ปอนด์ หรือเกือบครึ่งกิโลกรัมนั้น เราต้องใช้พลังงานมากกว่าที่ได้จากการกินเข้าไป (Calories Deficit) ถึง 3,500 แคลอรี! สมมติว่าเราต้องการลดน้ำหนัก 1/2 กิโลกรัม ใน 1 สัปดาห์ นั่นหมายถึงใน 1 สัปดาห์หรือ 7 วันนี้เราต้องมี Calories Deficit ประมาณ 3,500 แคลอรี หรือคิดง่ายๆ ว่าวันละ 500 แคลอรี ซึ่งเราจะประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายได้รับวันละ 500 แคลอรีได้ 3 ทางคือ
1.กินให้น้อยลงวันละ 500 แคลอรี โดยใช้พลังงานหรือทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม เช่น เลิกดื่มน้ำอัดลมที่เคยดื่มวันละ 2 ขวด กับเปลี่ยนจากกินข้าวมันไก่มาเป็นสุกี้น้ำไก่ ก็จะลดแคลอรีจากอาหารที่กินได้ประมาณ 500 แคลอรี วิธีนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ และน้ำหนักที่ลดได้มักจะคงอยู่ได้ไม่นาน
2. กินลดลงบ้าง ร่วมกับการออกกำลังกาย เช่น เลิกดื่มน้ำอัดลม 2 ขวด แต่ยังขอกินข้าวมันไก่ แต่ยอมไปออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ 1 ชั่วโมง วิธีนี้ดีต่อสุขภาพที่สุด และจะลดน้ำหนักได้ถาวรที่สุด (แต่อย่างไรข้าวมันไก่ก็ไม่ควรกินบ่อยนะคะ)
3.ไม่ยอมอดอาหารเลยแต่ยอมออกกำลังกายแทน ซึ่งถ้าเราหนัก 80 กิโลกรัม
ต้องการออกกำลังกายเพื่อจะเผาผลาญให้ได้ 500 แคลอรี ต้องพยายามอย่างสูง เช่น วิ่งเหยาะ 1 ชั่วโมง หรือเดินเร็ว 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จยกเว้นเป็นนักกีฬาที่ต้องออกกำลังกายทั้งวัน
สำหรับชา/กาแฟ ที่มีฤทธิ์เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายดังกล่าวจะเปรียบเสมือนกับการออกกำลังกายที่ร่างกายใช้พลังงานเพิ่ม ลองดูว่าถ้าเราเลือกทำตามข้อ 3 คือ ดื่มแต่ชา/กาแฟเพื่อช่วยลดน้ำหนักแทนการไปออกกำลังกาย อาจจะต้องดื่มชาถึงวันละกว่า 30 แก้ว (ชา 5 แก้วเพิ่มการใช้พลังงานประมาณ 70-80 แคลอรี) ซึ่งคงจะไม่ไหว นอกจากนี้กาเฟอีนในชากาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆถ้าดื่มมากเกินไปอาจจะเกิดปัญหาใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ นอนไม่หลับ ท้องผูก ความดันโลหิตสูง กระดูกพรุน เป็นต้น
ดังนั้นก็เลยอยากจะแนะนำว่า ถ้าอยากจะลดน้ำหนักให้สุขภาพดี คงต้องลงทุนลงแรงด้วยการคุมอาหารบ้าง ออกกำลังกายบ้าง และถ้าตนเองไม่มีข้อห้ามกับการดื่มชา/กาแฟ ก็อาจจะดื่มได้ เช่น วันละ 1-3 แก้ว ไม่ใช่แค่ดื่มชาหรือกาแฟ (โดยไม่ทำอะไรอื่นอีกเลย) แล้วหวังว่าน้ำหนักตนเองจะลดลงได้ แต่ทั้งนี้ระวังนมและน้ำตาลที่ใส่ลงในชา/กาแฟด้วยนะคะ น้ำตาล 2 ช้อนชา ให้แคลอรีเท่ากับข้าว 1/2 ทัพพีค่ะ
และทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาในเลือกผลิตภัณฑ์กาแฟ ต้องอ่านฉลากให้ถี่ถ้วน ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ผู้บริโภคควบคุมน้ำหนักโดยการหมั่นออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้แจ่มใส
เดรสไซส์ใหญ่ เดรสทำงานไซส์ใหญ่ ชุดเซ็ทไซส์ใหญ่ จั๊มพ์สูท ชุดราตรีไซส์ใหญ่ ชุดออกงานไซส์ใหญ่ ชุดกี่เพ้าไซส์ใหญ่ สูทไซส์ใหญ่ ชุดนอนไซส์ใหญ่ ชุดเอี๊ยมไซส์ใหญ่ ชุดออกกำลังกายไซส์ใหญ่
เสื้อผ้าคนอ้วน เสื้อผ้าไซส์ใหญ่ เสื้อผ้าคนอวบ เสื้อผ้าคนอ้วนสไตล์เกาหลี เสื้อผ้าคนอ้วนราคาถูก เสื้อผ้าคนอ้วนน่ารัก